สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ป่าไม้ปราจีนฯ แจ้งความเอาผิดสำนักสงฆ์เขามะก่อง สระแก้ว ตัดไม้เขตป่าสงวนฯ ครอบครองไม้มีค่าโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังชาวบ้านแจ้งไม่ทำตามข้อตกลงเรื่องการพัฒนาพื้นที่ ซ้ำดำเนินการโดยผิดกฎหมาย จากกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 บ้านสี่แยก ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าและตัดต้นไม้ในเขตป่าสงวนเขาฉกรรจ์ ป่าโนนสาวเอ้ ป่าปลายคลองห้วยไคร้ และป่าพระสทึง ของสำนักสงฆ์วัดเขามะก่อง โดยใช้รถแบ็กโฮเข้าตีป่าเพื่อทำเส้นทางขนาดใหญ่ขึ้นไปบนเขาระยะทางกว่า 350 เมตร รวมทั้งยังมีการก่อสร้างองค์พระขนาดใหญ่ไว้ด้านบนเขา และยังมีการขุดดินลูกรังลงมาด้านล่างและตัดไม้หวงห้าม เช่น ไม้พะยูง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้ตะแบก และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่นั้น ล่าสุด วันนี้ (29 เม.ย.) นายธวัชชัย วิจิตร์วงษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ปราจีนบุรี) ได้สั่งการให้ นายอภิรักษ์ คชินทร ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้สระแก้ว และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สก.3 (หนองน้ำใส) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สระแก้ว ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังร่วมกับ นายปรีชา ด่านขุนทด ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.ท่าเกวียน ลงพื้นที่ตรวจสอบ และตรวจยึดพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก จำนวน 1 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา นายธวัชชัย วิจิตร์วงษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ปราจีนบุรี) เผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้อเกี่ยวข้องทั้งหมดที่ สภ.วัฒนานคร แล้ว โดยแจ้งเรื่องการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และยังเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมมอบหมายให้ นายจรัส ยิ่งยงค์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สก.3 (หนองน้ำใส) เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และนายทนงค์ เวียงย่างกุ้ง พนักงานพิทักษ์ป่า เป็นพยาน โดยชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า ก่อนหน้าที่สำนักสงฆ์วัดเขามะก่อง จะใช้รถแบ็กโฮเข้าตีป่าเพื่อทำเส้นทางขนาดใหญ่ขึ้นไปบนเขาระยะทางกว่า 350 เมตร ได้มีการหารือร่วมกับชาวบ้านและกรรมการสำนักสงฆ์ เพื่อขอทำเป็นทางขึ้นเขา และรับปากว่าจะไม่ทำให้ธรรมชาติเสียหาย ซึ่งชาวบ้านก็ยินดีเพราะต้องการที่จะให้ประชาชนได้ขึ้นไปกราบไว้พระพุทธรูปใหญ่ที่อยู่ด้านบน แต่ในวันนี้กลับพบว่าสิ่งที่กรรมการสำนักสงฆ์รับปากกับชาวบ้านไม่เป็นจริง เพราะได้มีการขุดดินเป็นทางลึกจนทำให้ชาวบ้านเกรงว่าภูเขาอาจถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ด้านล่าง ด้าน นายปรีชา ด่านขุนทด ผู้ใหญ่บ้านสี่แยก ม.7 ต.ท่าเกวียน บอกว่า สำนักสงฆ์แห่งนี้ได้มีการว่าจ้างรถแบ็กโฮ เพื่อขุดปรับดินทำทางขึ้นเขาตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ใช้เงินไปกว่าแสนบาท โดยไม่ทราบว่ามีการขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการทำเกินกว่าที่เคยพูดคุยเมื่อครั้งทำประชาคมกับชาวบ้านไว้ “เมื่อคดีการบุกรุกป่าสิ้นสุดแล้ว ทางชุมชนเตรียมการที่จะฟื้นฟูป่าโดยหารือกับทางป่าไม้เพื่ออนุรักษ์ป่า ปลูกไม้โตเร็ว ฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะต้องกลบพื้นที่เพื่อนำหน้าดินมาปลูกต้นไม้ใหม่ ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และรายงานต่อทางอำเภอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านสี่แยก ม.7 กล่าว อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุปรากฏว่า พระอาจารย์ดำ ผู้ดูแลสำนักสงฆ์เขามะก่อง ได้นำกระดาษที่มีข้อความว่า “ไม่อยู่” ติดไว้ที่บริเวณด้านหน้าประตูกุฏิ และเมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามก็ได้รับแจ้งว่าออกไปทำธุระด้านนอก พร้อมยอมรับกับผู้ใหญ่บ้านว่าเป็นผู้สั่งการให้ขุดดินจริง