การบริหารจัดการภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยในปัจจุบัน การประเมินสถานการณ์ในส่วนของ การผลิตถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสําคัญมาก จําเป็นต้องมีข้อมูลที่รวดเร็ว มีความเป็นปัจจุบัน และสามารถชี้เป้า ในเชิงพื้นที่ได้ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถ ประเมินสถานการณ์และวางแผนการบริหารจัดการได้ทั้งในเชิงภาพรวมและเฉพาะพื้นที่ที่เกิดปัญหา สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจโดยตรงในการพัฒนาเทคโนโลยี อวกาศและภูมิสารสนเทศในการสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ประเทศชาติและสังคม ได้เล็งเห็นความสําคัญในการ นําเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะพืช เศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ ข้าวและข้าวโพด จึงได้เริ่มใช่ข้อมูลดาวเทียมในการติดตามพื้นที่เพาะปลูกพืช เพื่อจัดทําฐานข้อมูลและรายงานสถานการณ์การเพาะปลูกตั้งแต่การเริ่มทําการเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว และเพื่อให้การบริหารจัดการในภาคการผลิตสินค้าเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สทอภ. จึงได้ ทําการวิเคราะห์เพื่อประมาณการวันเก็บเกี่ยว และปริมาณผลผลิตในแต่ละพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลสถานการณ์การเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สทอภ. ได้พัฒนาระบบการติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นระบบการ ให้บริการแผนที่พื้นที่เพาะปลูกพืชแบบออนไลน์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากส่วนกลาง และในระดับพื้นที่ สามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เป็นปัจจุบันในระบบ เพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิด ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
สภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสําคัญประการหนึ่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตคุณภาพและ ปริมาณผลผลิตของพืช โดยเฉพาะประเทศไทยที่ผ่านมาได้ดรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลก เห็นได้จากการเกิดภัยธรรมชาติ น้ําท่วม ภัยแล้ง ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยส่งผลกระทบต่อ สถานการณ์ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และก่อใหเ ฎกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงเป็น สิ่งจําเป็น องค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลทางด้านอุตุนิยมวิทยาที่จะใชเฎป็นข้อมูล ในการศึกษาวิจัย การคาดการณ์การเกิดภัยธรรมชาติ การวางแผนการเพาะปลูกพืช รวมทั้งบริหารจัดการภาค การเกษตร การพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ตรวจวัดและติดตั้งสถานีตรวจอากาศเพื่อการเกษตรจึงเกิดขึ้นในพื้นที่ จังหวัดต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคของประเทศโดยมุ่งเน้นการติดตั้งสถานีในพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจที่สําคัญ เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสําปะหลัง ยางพารา หน่อไม้ฝรั่ง อ้อย นอกจากนี้ยังติดตั้งในพื้นที่ปลูกไม้ผลที่สําคํญ เช่น เงาะ มะขามหวาน มะพร้าว ลําไย เพื่อเก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตอันประกอบด้วย การ ตรวจวัดและเก็บข้อมูล ลักษณะเฉพาะทางและข้อมูลสภาพอากาศเชิงพื้นที่ เช่นการตรวจวัดความเข้มแสง ในช่วงคลื่นต่าง ๆ การตรวจวัดค่าสเปคตรัมแสง การวัดการแผ่ความร้อน การวัดอุณหภูมิความชื้นในอากาศ ปริมาณน้ําฝนและความชื้นในดิน เป็นต้น โดยที่ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บอยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งสามารถเรียนดู สืบค้น วิเคราะห์และศึกษาวิจัยข้อมูลสภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดภาคพื้นดิน ร่วมกับข้อมูลภาพถ่ายจาก ดาวเทียม และข้อมูลสารสนเทศเชิงพื้นที่อื่น ๆ จะสามารถนํามาประยุกต์เพื่อพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ได้ หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภูมิอากาศเพื่อการเกษตร ซึ่งจะเป็นกลไกสําคัญในการพัฒนาภาค การเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตาม กาลเวลา จากเดิมซึ่งทําเพื่อการดํารงชีวิตได้ปรับเปลี่ยนเป็นเพื่อการค้า แต่ลักษณะวิธีการทําเกษตรกรรมอาจยัง ไม่ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ดังที่ปรากฏเหตุการณ์ขึ้นบ่อยครั้ง เช่น ผลผลิตราคา ตกต่ํา ต้นทุนการผลิตสูงไม่คุ้มค่าการลงทุน ไม่มีตลาดรับซื้อ ขาดเทคโนโลยีและวิชาการเพื่อการพัฒนาที่เหมาะสม จากปัญหาดังกล่าวทําให้ภาครัฐต้องมีการบริหารจัดการด้านการเกษตรอย่างยั่งยืน ถูกต้องตามหลักวิชาการและ เกษตรกรได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อนําไปใช้ในการพัฒนาด้านการเกษตรได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยภาครัฐได้กําหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศ ดังนี้ 1. นโยบายรัฐบาลด้านการลดความเหลื่อมล้ําของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ ข้อ 3.7 แก้ปัญหาการไร้ที่ดินทํากินของเกษตรกรและการรุกล้ําเขตป่าสงวน โดยการกระจายสิทธิ การถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รุกล้ํา และออกมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในครอบครองของผู้ที่ มิใช่เกษตรกร ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสํารวจและวิธีการแผนที่ที่ทันสมัย แก้ไขปัญหาเขตที่ดินทับซ้อนและแนวเขต พื้นที่ป่าที่ไม่ชัดเจน อันก่อให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ 2. นโยบายรัฐบาลด้านการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ข้อ 6.4 ดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่เหมาะสมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การลดต้นทุนการผลิต การ ช่วยเหลือในเรื่องปัจจัยการผลิตอย่างทั่วถึง การช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ตลอดจนถึงการใช้กลไกตลาดดูแล ราคาสินค้าเกษตรประเภทที่ราคาต่ําผิดปกติให้สูงขึ้นตามสมควร ข้อ 6.15 ในด้านเกษตรกรรม ดําเนินการใน 2 เรื่องใหญ่ คือ การปรับโครงสร้างการผลิตสินค้า เกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การแบ่งเขตเพื่อปลูกพืชผลแต่ละชนิด และการ สนับสนุนให้สหกรณ์ของกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มบทบาทในฐานะผู้ซื้อพืชผลจนถึงการแปรรูปและการ ส่งออกได้ แล้วแต่กรณี เพื่อให้สหกรณ์เป็นผู้ค้าขายสินค้าเกษตรรายใหญ่อีกรายหนึ่ง ซึ่งจะช่วยคานอํานาจของกลุ่ม พ่อค้าเอกชนที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความสมดุลมากขึ้น สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) : สทอภ. กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ถือเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจโดยตรงในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศให้เป็น ความรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศและท้องถิ่น ได้เล็งเห็นความสําคัญของการนําเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการด้านการเกษตร โดยบูรณาการข้อมูลดาวเทียมสํารวจ
ทรัพยากรร่วมกับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศที่แสดงสภาพการใช้ประโยชน์ ที่ดินด้านการเกษตร การถือครองพื้นที่ การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการเพาะปลูกและเพิ่มผลผลิต รวมทั้งการ คาดการณ์ด้านภัยธรรมชาติ โดยใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมไทยโชตและดาวเทียมรายละเอียดสูงดวงอื่นๆ ร่วมกับข้อมูลที่สํารวจจากพื้นที่ พัฒนาเป็นระบบบริหารจัดการด้านเกษตรที่สามารถสนับสนุนให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องวางแผนการใช้ประโยชน์จากระบบบริการภูมิสารสนเทศ ทั้งในด้านการเพาะปลูก การเพิ่มผลผลิตและ การสนับสนุนข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐเพื่อการวางแผนด้านการตลาด และการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถทํา การเกษตรได้ประสบความสาเร็จ ตรงกับความต้องการของตลาด และพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เป็น ภาคเศรษฐกิจที่สําคัญของชาติ ถือเป็นการนําจุดแข็งด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ให้เอื้อ ต่อการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ภาคการเกษตร เพื่อให้เกิดความสัมฤทธิ์ผลของการบริหารจัดการเกษตรเชิงพื้นที่ของ ประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยื
ตามที่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (จินตนา ชัยยวรรณาการ) ในขณะนั น ได้เชิญประชุมผู้เกี่ยวข้องเรื่องพื นที่และผลผลิตปาล์ม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เพื่อประเมินผลผลิตปาล์ม น ้ามัน ปี 2560-61 โดยที่ประชุมมีมติขอความอนุเคราะห์ให้ ส้านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิ สารสนเทศ (องค์การมหาชน) แยกอายุปาล์มจากข้อมูลดาวเทียมในพื นที่ 4 จังหวัด (ชุมพร กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช) เพื่อความชัดเจนในการประเมินผลผลิต ซึ่งต่อมา คณะท้างานตรวจสอบพื นที่ปลูกปาล์ม น ้ามัน ที่มีรองเลขาธิการส้านักงานเศรษฐกิจการเกษตร ส้านักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นประธาน ได้เห็น ศักยภาพของ สทอภ. และเห็นคุณค่าของข้อมูลที่ประเมินอายุปาล์มน ้ามัน จึงได้มีมติที่ประชุมคณะท้างาน ตรวจสอบพื นที่ปลูกปาล์มน ้ามัน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 ขอให้ สทอภ. ขยายผลการประเมินอายุปาล์ม น ้ามันจากข้อมูลดาวเทียมให้ครอบคลุมทั งประเทศ ฝ่ายเศรษฐกิจ ส้านักประยุกต์และบริการภูมิสารสนเทศ ในฐานะผู้รับผิดชอบการด้าเนินงาน ได้ เห็นว่า สทอภ. มีศักยภาพที่จะสามารถด้าเนินการได้ อีกทั งข้อมูลดังกล่าวมีความจ้าเป็นที่ต้องด้าเนินการ เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจที่หน่วยงานรับผิดชอบในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จ้าเป็นต้องใช้ประโยชน์ เพื่อ ใช้ในการประเมินผลผลิต ดังนั น สทอภ. จึงเห็นควรให้มีการประเมินอายุปาล์มน ้ามันจากข้อมูลดาวเทียม เพื่อ สนับสนุนการบริหารจัดการในภาคการผลิตของปาล์มน ้ามัน และเป็นการเพิ่มบทบาทของหน่วยงาน นอกเหนือจากการติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกพืชอายุสั นที่มีการด้าเนินการอยู่ก่อนแล้ว