เพลิงโหมป่าอเมซอนครั้งใหญ่-ควันไฟเห็นได้จากนอกโลก

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ป่าอเมซอนในประเทศบราซิล ซึ่งเป็นป่าดิบชื้นและป่าฝนเขตร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเจอกับไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล เปิดเผยข้อมูลสำรวจจากดาวเทียมล่าสุดพบว่า เกิดไฟไหม้ป่ามากกว่า 72,000 จุด ช่วงระหว่างเดือน ม.ค. – ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 83 นับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติเมื่อปี 2556 จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ยังพบว่าระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 15 – 21 สิงหาคมที่ผ่านมา พื้นที่ป่าดังกล่าวเกิดไฟไหม้ป่าไปแล้วมากกว่า 9,500 ครั้ง

รายงานข่าวท้องถิ่นระบุว่า นอกจากเมืองเซาเปาโลแล้ว บางส่วนของรัฐมาตูโกรสซู และปารานาก็ถูกปกคลุมด้วยควันจากไฟป่าด้วย รวมถึงมีแฮชแท็ก #PrayforAmazonia และพูดถึงเหตุการณ์นี้มากในโซเชียลมีเดียด้วย นอกจากนี้ ภาพจากดาวเทียมที่ถูกเผยแพร่โดยองค์การนาซาของสหรัฐฯ ยังเผยให้เห็นพื้นที่ป่าในเขตของรัฐโรมาในบราซิล ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันขาวหนาทึบ ไฟยังคงลุกลามกินพื้นที่เป็นวงกว้างติดต่อกันมานานกว่า 16 วันแล้ว และ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าไฟป่าจะดับลงเมื่อใด เบื้องต้นทางการบราซิลได้มีคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

กลุ่มเหตุการณ์
ด้านป่าไม้
ประเภทเหตุการณ์
ไฟป่า
สถานที่เกิดเหตุการณ์
ป่าอะเมซอน ประเทศบราซิล

‘วิกฤติไฟป่าอเมซอนรุนแรง’ เห็นได้จากอวกาศ

นครเซาเปาโล เมืองหลวงบราซิลตกอยู่ในความมืด ถูกปกคลุมด้วยควันไฟกำลังไหม้ลุกลามรุนแรงภายในป่าอเมซอน มองเห็นได้จากอวกาศ โดยในปีนี้เกิดขึ้นมากกว่า 72,000 ครั้ง

อเมซอน เป็นป่าดิบชื้นและป่าฝนเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเกิดไฟไหม้ลุกลาม และรุนแรง

ประชาชนต่างพากันโพสต์ข้อความทางโซเชียล ติดแฮชแท็ก #PrayforAmazonia เพื่อเอาใจช่วยเหตุไฟไหม้ป่าอเมซอนครั้งใหญ่นี้ จนติดอันดับยอดนิยมในทวิตเตอร์

ภาพถ่ายดาวเทียมขององค์การบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา เผยภาพเห็นกลุ่มควันไฟปกคลุมรัฐโรไรมา ทางเหนือสุดของบราซิล โดยสามารถมองเห็นจากอวกาศ

ขณะเดียวกัน ได้มีการเผยแพร่รายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลของดาวเทียมสำรวจของสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล หรือไอเอ็นพีอี ชี้ให้เห็นสถิติที่น่าตกใจว่า จำนวนไฟป่าปีนี้เพิ่มจากปีที่แล้วถึง 83%

มีรายงานว่า ช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2562 เกิดไฟป่ามากกว่า 72,843 ครั้ง สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556ไฟป่าเป็นปัญหาเรื้อรังที่รัฐบาลบราซิลพยายามแก้

ทั้งนี้ กลับยิ่งแย่ลงนับตั้งแต่ นายฌาอีร์ โบลโซนาโร ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี นโยบายสิ่งแวดล้อมของเขาจุดกระแสวิจารณ์อย่างมาก ทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าป่าอเมซอนมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก มีต้นไม้ประมาณ 390,000 ล้านต้น และมีพันธุ์ไม้ประมาณ 16,000 ชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ และช่วยชะลอความเร็วของภาวะโลกร้อนด้วย

กลุ่มเหตุการณ์
ด้านป่าไม้
ประเภทเหตุการณ์
ไฟป่า
แหล่งข่าว
กรุงเทพธุรกิจ
URL ข่าว

ไม่ต้องรอถูกไฟไหม้ป่าอเมซอนก็หมด

ผู้นำบราซิลประกาศชัดจะเปลี่ยนป่าอเมซอนเป็นเงิน

ป่าอเมซอนซึ่งเป็นป่าดิบชื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังถูกทำลายอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมชี้มีการทำลายป่ากินพื้นที่ขนาดสนามฟุตบอลทุกๆ นาที และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ป่าที่เปรียบเสมือนปอดของโลกผืนนี้อาจจะกลายสภาพเป็นทุ่งหญ้าเขตร้อนแทน

ป่าอเมซอนกินพื้นที่ราว 5.5 ล้านตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 ประเทศ โดยบราซิลมีพื้นที่ป่ามากที่สุด 60% แต่ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าอเมซอนของบราซิลหายไปถึง 20% และระหว่างเดือน ส.ค.2017-ก.ค.2018 มีพื้นที่อีกกว่า 7,900 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่ากรุงลอนดอนถึง 5 เท่าถูกทำลาย ถือเป็นการสูญเสียพื้นที่ป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี

สถานการณ์ป่าหายยิ่งรุนแรงหนักขึ้นนับตั้งแต่ ชาอีร์ โบลโซนารู นั่งตำแหน่งประธานาธิบดีของบราซิลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพียงเดือนที่แล้วเดือนเดียวบราซิลเสียพื้นที่ป่า 1,344 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นว่าเพียงเดือนเดียวป่าอเมซอนถูกทำลายไปมากกว่าการทำลายของทั้ง 3 ปีรวมกันเสียอีก โดยพื้นที่ป่าส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นเหมือง พื้นที่ทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ บรรดามอดไม้ยังกลับมาระบาดหนักในสมัยของประธานาธิบดีโบลโซนารู ชาวเผ่าอาราราทางตอนเหนือถึงกับเผยว่าทุกวันจะเห็นตอไม้ที่เพิ่งถูกตัดใหม่ๆ และไม่เคยเห็นการลักลอบตัดไม้มากเท่านี้มาก่อน

ประธานาธิบดีโบลโซนารูจากพรรคฝ่ายขวามีนโยบายชัดเจนว่าจะพลิกสภาพผืนป่าอเมซอนให้เป็นพื้นที่สำหรับการทำเกษตรกรรมและเหมืองแร่เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ พูดง่ายๆ ก็คือเน้นการพัฒนามากกว่าการอนุรักษ์ป่า เมื่อผู้นำประกาศชัดแบบนี้การแผ้วถางป่าอเมซอนจึงกลับมาอีกครั้งในระดับที่น่าเป็นห่วง หลังจากที่ผู้นำหลายท่านก่อนหน้านี้พยายามลดการตัดไม้ทำลายป่าอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับทางการท้องถิ่นหรือการปรับเงินผู้ที่ฝ่าฝืน

ผู้นำคนล่าสุดของบราซิลมีแนวคิดเช่นเดียวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คือไม่เชื่อว่าภาวะโลกร้อนมีอยู่จริง และยังกล่าวหาว่ากลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมถูกต่างชาติชี้นำให้เข้ามาแทรกแซงและขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิล

ท่าทีนี้ก่อให้เกิดความกังวลจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม กองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) เตือนว่าหากการตัดไม้ทำลายป่ายังดำเนินต่อไปจนถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ป่าฝนที่เป็นปอดของโลกผืนนี้จะกลายเป็นเพียงทุ่งหญ้าเขตร้อนที่สัตว์ป่าหลายชนิดไม่สามารถอาศัยอยู่ได้

อ่านต่อได้ที่