ชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแส พบนายทุนเข้าไปบุกรุกแผ้วถาง ยึดถือ ครอบครองพื้นที่ป่าสงวงแห่งชาติ ในพื้นที่จังหวัดพังงา เพื่อปลูกทุเรียนและสร้างรีสอร์ท โดยมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คุมครองช่วยเหลือ และมีการอ้างเอกสาร น.ส. 3ก จำนวน 4 ฉบับ เบื้องต้นเตรียมประสานสำนักงานที่ดินตรวจสอบละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที” กรณีมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสว่า พบนายทุนเข้าไปบุกรุกแผ้วถาง ยึดถือ ครอบครองพื้นที่ป่าสงวงแห่งชาติ ท้องที่ตำบลรมณีย์ อำเภอกะปง จังหวัดพังงา เพื่อปลูกทุเรียนและสร้างรีสอร์ท โดยมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คุมครองช่วยเหลือ ล่าสุดนายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สั่งการให้นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าหน่วยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พง.4 (กะปง) ศูนย์ป่าไม้พังงา สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพังงา และกำนันตำบลรมณีย์ จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเชิงเขา มีร่องรอยการทำขั้นบันไดปลูกทุเรียน และที่พักอาศัย ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขาศรีราชา ป่าเขาบางกรัก และป่าเขาบางใหญ่ ขณะตรวจสอบพบชายคนหนึ่ง อ้างเป็นเจ้าของที่ดิน และแสดงเอกสาร น.ส. 3ก จำนวน 4 ฉบับ เนื้อที่ 48-1-45 ไร่ ซึ่งเป็นสวนยางพาราเก่า และนำชี้ร่องรอยตอไม้ยางพารา เจ้าหน้าที่จึงตรวจวัดพิกัดตำแหน่งแปลงที่ดิน คำนวณเนื้อที่ได้ 34-2-41 ไร่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงมีหนังสือสอบถามไปยังเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาตะกั่วป่า เพื่อขอคัดสำเนา นส. 3ก ทั้ง 4 ฉบับ ขอคัดสารบบแปลงที่ดิน และระวางภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อให้การปฏิบัติรัดกุม ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย และใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย และหากพบว่าเอกสารที่แสดงต่อเจ้าหน้าที่มีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป