กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับ กรมทรัพยากรธรณี เร่งสำรวจเพื่อประเมินเสถียรภาพ “เขาตาปู” หรือ “เกาะเจมส์บอนด์” หลัง “วราวุธ” สั่งเข้ม แลนด์มาร์ค จ.พังงา ต้องอยู่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีการพังทลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีหลายแห่งของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา จึงมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างทางธรณีที่มีคุณค่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นนี้อีก จึงมอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการสำรวจอย่างเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์ต่อไป

การอนุรักษ์ ‘เขาตาปู’ ถือได้ว่าเป็นการสู้กับธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังส่งผลกระทบต่อสภาพทางธรณีวิทยา และอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง จึงต้องมีการศึกษาอย่างจริงจัง เพื่ออนุรักษ์ให้ ‘เขาตาปู’ เป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดพังงา และเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยไปให้ได้ยาวนานที่สุด และการศึกษาในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับการดำเนินงานด้านธรณีวิทยาของประเทศไทยอีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เร่งสำรวจแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญของประเทศไทย ที่มีความเสี่ยงต่อการพังทลายเช่นนี้ เพื่อวางแนวทางการป้องกันก่อนที่จะต้องสูญเสียแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ไป

‘เขาตาปู’ เป็นอัตลักษณ์ที่สวยงามและมีความโดดเด่นทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีรูปร่างคล้าย “ตะปู” นับเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของ จ.พังงา และของประเทศไทย หลายคนรู้จักในนามเกาะเจมส์บอน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ปัจจุบันโครงสร้างธรณีวิทยาของเขาตาปูแห่งนี้ อาจมีเสถียรภาพที่เสี่ยงต่อการพังทลายจากหินร่วง ที่ผ่านมาพบเหตุการณ์พังทลายปรากฏเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง อาทิ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี เกาะทะลุ จ.พังงา และปราสาทหินพันยอด จ.สตูล

ประเมินความเสี่ยง “เขาตาปู” หรือ “เกาะเจมส์บอนด์”

โดยในการสำรวจ ‘เขาตาปู’ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการพังทลาย ใช้วิธีการสำรวจธรณีเทคนิค – ธรณีวิศวกรรม (การวัดรอยแตก คำนวณอัตราการกัดเซาะ โดยเครื่อง 3D Scanner) การสำรวจธรณีฟิสิกส์ ธรณีวิทยาโครงสร้างพื้นผิวท้องทะเล โดยเครื่องวัดคลื่นไหวสะเทือน (marine seismic) หยั่งน้ำลึก (echo sounder) และการสำรวจด้านอุทกศาสตร์ เพื่อวัดทิศทางการไหลของกระแสน้ำและความสูงคลื่น เป็นต้น

สำหรับแนวทางการอนุรักษ์จากการประเมินในเบื้องต้น อาจเป็นการเสริมความแข็งแรง เพิ่มเสถียรภาพของฐานราก โดยไม่ให้เสียทัศนียภาพ การใช้หลักเทคนิควิศวกรรมฐานราก ลดความรุนแรงของคลื่นที่จะเข้าปะทะหรือส่งผลต่อฐานราก ทั้งนี้ การดำเนินการจะเป็นแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังติดตามการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

แหล่งข่าว