เมื่อวันที่ 9 มีนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เฝ้าระวังติดตามและเข้าปฏิบัติงานในการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน ลำพูน พะเยา อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร) ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนในเรื่องของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสภาพสิ่งแวดล้อม

โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมทั้งวางมาตรการเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ได้เร่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ป่าภาคเหนือ ซึ่งในขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูร้อน จึงทำให้สภาพพื้นที่ป่าในภาพรวมแห้งแล้งมีการสะสมและทับถมของเศษใบไม้แห้ง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

นายชีวะภาพกล่าวว่า ประกอบกับพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรที่อยู่อาศัยทำกินในเขตพื้นที่ป่าไม้ มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตเหลือเศษวัชพืชทางการเกษตร โดยมีเกษตรกรบางรายใช้วิธีการเผา เพื่อเป็นการกำจัดเศษวัชพืชดังกล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2564 รมว.ทส.ได้มอบนโยบายแนวทางให้หน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้มาตรการเชิงรุก “ชิงเก็บ” โดยได้ดำเนินการจัดทำแผนงานชิงเก็บเชื้อเพลิงที่อยู่ในเขตป่าไม้ เพื่อเป็นการลดความรุนแรงของไฟป่าที่จะเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเก็บเชื้อเพลิงโดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ร่วมกันดำเนินการ เป้าหมายให้ได้จำนวน 1,000 ตัน ในเขต 10 จังหวัดภาคเหนือในพื้นที่ที่มีสถานการณ์ไฟป่ารุนแรง