ตรวจยึดพื้นที่บุกรุก แผ้วถางใหม่ บริเวณหาดไร่เลย์ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ภายใน อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี รวม 7 ไร่ 0 งาน 39 ตารางวา และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุก จนท. ประกอบด้วย 1) จนท.หน่วยฯ​ พญาเสือ 2) จนท.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จนท.ได้ดำเนินการตรวจสอบ พื้นที่ที่ได้มีการบุกรุก แผ้วถาง ยึดถือ ครอบครองตามการร้องเรียน บริเวณหมู่ที่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งอยู่ในเขต อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยมีรายละเอียดการดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ ดังนี้ 1. พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง ตัดสางต้นไม้เพื่อครอบครองทำประโยชน์เป็นบริเวณกว้าง โดยมีการตัดฟัน/ตัดสางต้นไม้จำนวนมาก โดยขณะตรวจสอบพื้นที่ มี นส.ชลิตาฯ อายุ 41 ปี ได้ให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า พื้นที่ดังกล่าว นายสุรพลฯ อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นสามีของตนเป็นผู้ดำเนินการแผ้วถาง ตัดสางต้นไม้เพื่อทำประโยชน์ 2. จนท.ได้ตรวจสอบข้อมูล​แปลงที่ดินดังกล่าวแล้ว ไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน และไม่เป็นพื้นที่ที่มีการแจ้งการครอบครองที่ดินตาม มติ ครม. 30 มิ.ย. 41 แต่อย่างใด ตรวจสอบจากภาพถ่าย World view ในปี 2557 และ 2560 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์แต่อย่างใด และตรวจสอบภาพถ่ายจากอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 63 พบร่องรอยการบุกรุก แผ้วถาง 3. จนท. ได้ใช้เครื่องมือตรวจวัดพิกัดจากดาวเทียม (GPS)​ ตรวจวัดพื้นที่บุกรุกแผ้วถาง รวมเนื้อที่ 7-0-39 ไร่ จนท.ร่วมกันพิจารณาแล้ว จากข้อมูลข้างต้น การกระทำดังกล่าวของนายสุรพลฯ และ/หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484, พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507, และ พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ดังนี้ 1) ฐาน “ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพรบ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี 2) ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถาง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็น ผู้แผ้วถางป่านั้น” ตามพรบ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 55 3) ฐาน “ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และ มาตรา 31 วรรคสอง 4) ฐาน “ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ตามมาตรา 19 (1) แห่งพรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ระวางโทษ ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง จำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จนท.ได้จัดทำบันทึกตรวจสอบ/ตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ เพื่อติดตามตัวนายสุรพล หง้าฝา มาดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าวต่อไป