พิจิตร – ชาวนาวอนรัฐช่วย! ภัยแล้งทำนาข้าวเสียหายแล้วกว่า 26,000 ไร่
15 กันยายน 2563
ชาวนาพิจิตรเดือดร้อนหนัก จากภัยแล้งฝนทิ้งช่วงยาวนาน ต้นข้าวหอมมะลิ ในอำเภอวังทรายพูน ขาดน้ำเหี่ยวเฉาแห้งตายเสียหายกว่า 26,000 ไร่ เริ่มขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ วอนรัฐเร่งช่วยเหลือ
วันที่ 15 กันยายน 2563 นายลมัย สิงห์เถื่อน กำนัน ตำบลหนองปล้อง อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้ง เกิดฝนทิ้งช่วง มายาวนานหลายเดือน แหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่นห้วย หนอง คลอง และบึงน้ำทุกแห่งแห้งขอด ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการทำเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทำนาปลูกข้าว ซึ่งเป็นอาชีพหลักและเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของอำเภอวังทรายพูน โดยชาวนาส่วนใหญ่ จะปลูกข้าวหอมมะลิเป็นหลัก และอาศัยน้ำฝนในการทำนาปลูกข้าวเพียงอย่างเดียวเนื่องจากอยู่นอกเขตชลประทาน
ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากสภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลกระทบให้ต้นข้าว ที่มีอายุตั้งแต่ประมาณ 1-2 เดือน และบางแปลง บางพื้นที่ ต้นข้าวเริ่มตั้งท้องใกล้ออกรวง ลำต้นข้าวเหี่ยวเฉา แห้งตายสิ้นเชิง และบางแปลงก็แคระแกร็น ลำต้นไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร มีพื้นที่ ที่คาดว่าจะเสียหายจำนวนกว่า 25,627 ไร่ จากพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 28,875 ไร่ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 1,086 ราย โดยขณะนี้ความเสียหายยังไม่สิ้นสุดยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเกษตรกรชาวนาที่ได้รับรับความเดือดร้อนดังกล่าว นอกจากนี้ชาวบ้านในบางหมู่บ้านยังขาดน้ำกินน้ำใช้ จึงวิงวอนหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือและเยียวยาเป็นการเร่งด่วน ในเบื้องต้นเกษตรตำบล และเกษตรอำเภอวังทรายพูน ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและรายงานไปยังจังหวัดพิจิตรเพื่อรอความช่วยเหลือแล้ว
สำหรับอำเภอวังทรายพูน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตรปลูกข้าวหอมมะลิ เป็นอาชีพหลัก มีพื้นที่ทำการการเกษตร 4 ตำบลประกอบไปด้วยตำบลหนองปล้อง ตำบลหนองพระ ตำบลหนองปลาไหล และตำบลวังทรายพูน มีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 118,014 ไร่ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงคาดว่าผลผลิตจะเสียหาย จำนวน 2 ตำบล คือตำบลหนองปลาไหล จำนวน 956 ไร่ และตำบลหนองปล้อง จำนวน 25,627 ไร่ รวมทั้งสิ้น 26,583 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 1,134 รายและสถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่สิ้นสุดเนื่องจากเกษตรกรชาวนา อีกหลายพื้นที่ยังได้รับผลกระทบมีความเสียหายขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
TNNONLINE