ภูเก็ต – DSI พบนายทุนรุกป่าสงวนแห่งชาติบางขนุนหลายจุด-ชี้มีโทษถึงจำคุก

15 กันยายน 2563

DSI พบนายทุนรุกป่าสงวนแห่งชาติบางขนุนหลายจุด-ชี้มีโทษถึงจำคุก

จังหวัดภูเก็ตสั่งช่วยเหลือผู้บุกรุกป่าสงวน เจ้าหน้าที่ DSI ชี้ “บุกรุก” ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีโทษจำคุก โดยอธิบดีกรมป่าไม้เท่านั้นมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการ

กรณีข้อขัดแย้งระหว่างกลุ่มทุน กับวิทยาลัยเทคนิคถลาง เกี่ยวกับ พื้นที่ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางขนุน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีบุคคลพยายามวิ่งเต้นออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ นั้น หลังการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ DSI ตำรวจป่าไม้ และชุดพยัคฆ์ไพร เมื่อวานที่ผ่านมา (14 ก.ย.63)พบว่า จังหวัดภูเก็ต เคยมีหนังสือสั่งการ ที่ ภก 0017.1/13885 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ซึ่งลงนามโดยนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางขนุน อำเภอถลาง ซึ่ง อธิบดีกรมป่าไม้ อนุญาตให้ วิทยาลัยเทคนิคถลาง ใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา จำนวน 142 ไร่ 1 งาน 17 ตารางวา โดยไม่สนใจมติคณะรัฐมนตรี และประกาศกรมป่าไม้ ลงวันที่ 23 มกราคม 2540

DSI พบนายทุนรุกป่าสงวนแห่งชาติบางขนุนหลายจุด-ชี้มีโทษถึงจำคุก

นายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมและการข่าว กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางขนุน เป็นพื้นที่คุ้มครอง มาตั้งแต่ปี 2488 เนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ ต่อมาได้กำหนดให้เป็นพื้นที่ป่าสงวน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 217 พ.ศ. 2507 นอกจากนี้ภายหลังยังได้ออกกฎหมายเพื่อกำหนดโทษสำหรับผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติให้มีโทษจำคุก 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท แต่หากว่ามีการบุกรุกพื้นที่ต้นน้ำ หรือมีเนื่อที่บุกรุกเกินกว่า 25 ไร่ จะมีโทษจำคุก 4 ปี ถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000 ถึง 2,000,000 บาท

DSI พบนายทุนรุกป่าสงวนแห่งชาติบางขนุนหลายจุด-ชี้มีโทษถึงจำคุก

อย่างไรก็ตามพบว่ากลุ่มทุนได้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางขนุน กระจายออกไปหลายจุด นอกเหนือจากพื้นที่ ซึ่งกรมอาชีวศึกษา ได้รับอนุมัติจากกรมป่าไม้ให้ใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา โดยอาศัยชาวบ้าน และกลุ่มทุนที่อาจมีผลประโยชน์ร่วมกับข้าราชการบางราย ที่อาศัยอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ แสวงหาผลประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ทั้งที่ พื้นที่ดังกล่าวบางจุดมีความลาดชันเกินกว่า 35 องศา มีต้นไม้ขนาดใหญ่อายุประมาณ 100 ปี หลงเหลืออยู่จำนวนไม่น้อย มีลักษณะเป็นป่าดิบชื้น คล้ายเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 A

TNNONLINE