เพชรบูรณ์ – “กรมป่าไม้” สั่งรื้อเต็นท์รุกป่าภูทับเบิกบนผาหัวสิงห์

9 กรกฎาคม 2563

อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งรื้อเต็นท์-บ้านพักบนผาหัวสิงห์ จ.เพชรบูรณ์ พบอ้างสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ทำกินเดิมในป่าภูทับเบิก ซึ่งอยู่ในเขตลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ผิดกติกาชัดบุกรุกขยายทำกิน รวม 3 แปลง และขัดคำสั่ง คสช.35/2559 เข้าข่ายถูกยึดพื้นที่คืน

กรณีชมรมคนรักเขาค้อ–ภูทับเบิก โพสต์ภาพจุดกางเต็นท์บริเวณเขาหัวสิงห์ จ.เพชรบูรณ์ และตั้งข้อสังเกตว่าอยู่บนภูเขาสูง ที่มีสภาพเป็นป่าสามารถตั้งจุดกางเต็นท์ได้หรือไม่ และบดบังทัศนียภาพความสวยงามทางธรรมชาติ และเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้ารื้อถอน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

วันนี้ (9 ก.ค.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์ ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าว ตั้งอยู่บนหน้าผา สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เขา และทะเลหมอก 360 องศา และพบว่าก่อนที่จะถึงผาหัวสิงห์ประมาณ 100 เมตร ได้มีการสร้างบ้านพัก จำนวน 5 หลัง และเต้นท์อีกจำนวน 5 หลัง

เจ้าของสถานที่ที่กำลังก่อสร้างแห่งนี้ เล่าว่า เดิมเป็นที่รัฐจัดสรรให้ทำการเกษตร ปลูกกะหล่ำปลี แต่ต่อมาก็ขาดทุน จึงสร้างบ้านพัก จากแต่เดิมให้เป็นพื้นที่กางเต้นท์ แต่ด้วยฝนตกอากาศหนาว นักท่องเที่ยวเรียกร้องให้ทำบ้านจึงปรับปรุงพื้นที่ แต่ยืนยันว่าสร้างในกรอบที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 4 หลัง และห่างจากผาหัวสิงห์ ตั้ง 100 เมตรแล้ว

ขณะที่นายสุริยา กาละสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ตรวจสอบพื้นที่ ยืนยันว่าอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิกัด 47Q 723360 1867721 ซึ่งพื้นที่ตามพิกัดอยู่ท้องที่บ้านน้ำเพียงดิน ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โดยมีการตรวจสอบรายละเอียดตามแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และภาพถ่ายที่ทางเจ้าหน้าที่อช.ภูหินร่องกล้า ได้ตรวจสอบ

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา นายอัครชัย อาสุ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมชุดพยัคฆ์ไพร เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณเขาหัวสิงห์ โดยพบการบุกรุกขยายพื้นที่ 3 แปลงรายใหม่ โดยแปลงแรกพื้นที่ประมาณ 19 ไร่ ประกอบด้วยที่พักมุงสังกะสี 4 หลัง และลานกางเต้นท์ จะได้ให้ผู้ครอบครองพื้นที่นำหลักฐานแสดงการได้มาของที่ดินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในวันนี้

ส่วนแปลงที่ 2 อยู่ติดกับผาหัวสิงห์ เป็นบริเวณที่ก่อสร้างตึกขาว 2 ชั้น และลานกางเต็นท์ที่ถูกนำมาวิจารณ์ในโซเชียล พื้นที่ 3 ไร่เศษ มีอาคาร 2 ชั้น 1 หลัง ห้องน้ำ ห้องสุขา 1 หลัง และลานกางเต้นท์ ซึ่งพบว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมจากเดิมที่ครอบครองเพียง 1 ไร่เศษ และ แปลงที่ 3 ยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ประกอบด้วยบ้านพักอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 หลัง ห้องน้ำจำนวน 1 หลัง ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง

“ทั้งหมด 3 แปลงที่อยู่ผาเขาหัวสิงห์เป็นการบุกรุกขยายพื้นที่ชัดเจน และใช้พื้นที่ได้สิทธิ์ครอบครองไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการกทำเกษตร โดยเฉพาะเป็นพื้นที่พื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ นอกจากแจ้งดำเนินคดียังถือว่าขัดคำสั่งคสช.ที่ 35/2559 เรื่องแก้ปัญหาที่ดินบนภูทับเบิกแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสิทธิ์การครอบครองใช้พื้นที่ ”
นายอรรถพล กล่าวว่า พื้นที่ป่าภูทับเบิก ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก และมีการกำหนดกติกาชัดเจนว่าต้องไม่บุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มเติม และต้องไม่ก่อสร้างรีสอร์ตที่พัก และถูกควบคุมโดยพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งยังไม่ยกเลิกท้องถิ่นมีอำนาจในการสั่งรื้อถอนได้ รวมถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ด้วย

“กำชับให้เร่งรัดดำเนินคดีทั้งหมด รวมถึงใช้อำนาจคำสั่ง คสช.เพื่อเข้าสู่กระบวนการรื้อถอนโดยเร็ว โดยวันนี้ทางอบต.ได้เข้าไปติดป้ายห้ามใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้ว ”

ถกปัญหาลานกางเต็นท์-รีสอร์ตรุกป่าเพิ่ม
ด้านนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ รับทราบปัญหาแล้ว และจะประชุมเพื่อให้ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบูรณ์ ชี้ชัดว่า การสร้างที่พักดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ในวันนี้

สำหรับการตรวจยึดที่ดินบุกรุกป่าภูทับเบิก เข้าข่ายความผิดในเขตป่าตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ท้องที่บ้านน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มาตรา 54 ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือกระทำผิดด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 55 ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตราก่อนให้สันนิฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น

ไทม์ไลน์ตรวจสอบความผิดบุกรุกผาหัวสิงห์
เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) เวลา 13.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้ประชุมร่วมกันที่ อบต.บ้านเนิน ที่ประชุมได้มีมติให้ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย บริเวณผาหัวสิงห์ หยุดการก่อสร้างเพิ่มเติม และได้ร่วมกันติดประกาศบริเวณพื้นที่ครอบครองของแต่ละราย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522

คณะเจ้าหน้าที่ได้ให้นายเงี๋ยป๋อ แซ่ท่อ ผู้ครอบครองพื้นที่เดิม พ่อนายกัวเน้ง แซ่ท่อ นำชี้บริเวณพื้นที่เคยครอบครองก่อนแบ่งให้ทายาท ปรากฏว่านายเงี๋ยป๋อ นำชี้พื้นที่ 21.3 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของผาหัวสิงห์ โดยพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ 1 ไร่
เปรียบเทียบข้อมูลที่คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 25-26 มิ.ย.63 ปรากฏว่าผู้ครอบครองพื้นที่ 1 คน คือ นายกัวเน้ง แซ่ท่อ นำชี้พื้นที่ครอบครองเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. จำนวน 3.2 ไร่ (เป็นพื้นที่ป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ และพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ โดยแจ้งว่าได้รับมรดกตกทอดจากพ่อ ตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่นายกัวเน้ง นำชี้อยู่นอกพื้นที่ของนายเงี๋ยป๋อ จำนวน 1.2 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มเติม และเป็นการประกอบกิจการประเภทที่พักชั่วคราวหรือโรงแรม ซึ่งได้มีการก่อสร้างตึก 2 ชั้น เพิ่มเติมในปี พ.ศ.2563 อันเป็นการขัดคำสั่ง คสช.ที่ 35/2559 ลงวันที่ 5 ก.ค.2559 และคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 ลงวันที่ 12 มิ.ย.2562 คณะเจ้าหน้าที่จึงมีความเห็นว่าการกระทำของนายกัวเน้ง เป็นการทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 54 จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ จำนวน 3.2 ไร่

ข่าวไทยพีบีเอส