เพชรบูรณ์ – จับรุกที่ดิน”รร.เกษตรอินทรีย์เขาค้อตามแนวพระราชดำริ”ที่ ทภ.3 ขอใช้

30 มิ.ย. 2020

ชุดชป.จับรุกที่ดิน”รร.เกษตรอินทรีย์เขาค้อตามแนวพระราชดำริ”ที่ ทภ.3 ขอใช้ ยึดคืนที่ดิน 10 ไร่เศษ พร้อมแจ้งเอาผิดผู้บุกรุก

วันที่ 30 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ร่วมกับ นายสมชาย ฉิมแย้ม หัวหน้าฐานปฏิบัติการพยัคฆ์ไพรภาคเหนือ/หน.นปพ.เขาค้อ บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่โรงเรียนเกษตรอินทรีย์เขาค้อ อันเนื่องมากจากโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็กตามพระราชดำริ, เจ้าหน้าที่ ชป.ศูนย์อำนวยการประสานงานการแก้ไขปัญหาพื้นที่โครงการลุ่มน้ำเข็ก, หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เขาค้อ, หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.2 (เขาค้อ), เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และฝ่ายปกครอง หมู่ที่ 1 ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันตรวจสอบบริเวณพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 (กองพลทหารม้าที่ 1) ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์เพื่อใช้เป็นพื้นที่โรงเรียนเกษตรอินทรีย์เขาค้อฯ จำนวน 108-3-25 ไร่ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาต โดยพื้นที่ตรวจสอบอยู่นอกผังแปลง รอส.ในเขตป่าสงวน- แห่งชาติ ป่าเขาปางก่อและป่าวังชมภู ท้องที่บ้านเขาย่า หมู่ที่ 1 ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ตามที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารโรงเรียนเกษตรอินทรีย์เขาค้อฯว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและปลูกพืชเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการตรวจสอบพบว่า เป็นพื้นที่บริเวณป่าท้ายบ้านเขาย่าด้านทิศตะวันออก ติดทางหลวงหมายเลข 1158 ท้องที่บ้านเขาย่า หมู่ 1 ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ ได้มีบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ ไถพรวนและปลูกพืชเกษตร เช่น อะโวกาโด กล้วย ข้าวไร่ ฯลฯ แต่ไม่พบบุคคลใดในบริเวณดังกล่าว สอบถามเจ้าหน้าที่ทหารโรงเรียนเกษตรอินทรีย์เขาค้อฯแจ้งว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ในเขตโรงเรียนฯ ซึ่งได้รับอนุญาตจากกองทัพภาคที่ 3 ให้จัดตั้งโรงเรียนเกษตรอินทรีย์เขาค้อตามแนวพระราชดำริ เพื่อส่งเสริมพัฒนาอาชีพราษฎรตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็กตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 จนถึงปัจจุบัน และบริเวณพื้นที่ตรวจสอบเป็นพื้นที่ทำกินของนายสุวรรณ เนตรแสงสี ราษฎร ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ ซึ่งได้เข้ามาทำกินเมื่อประมาณปี พ.ศ.2560 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้นายสุวรรณฯ มายื่นใบสมัครเข้าร่วมโครงการปลูกพืชผัก ข้าวไร่ฯ ของโรงเรียนฯ แต่นายสุวรรณฯ ไม่ยินยอมยื่นใบสมัครเข้าร่วมโครงการ และยังคงยึดครองพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นอันขัดต่อหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของโรงเรียนฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงเรียนฯ ได้ว่ากล่าวตักเตือนและแจ้งให้รื้อถอนไม้ยืนต้นหลายครั้งแต่นายสุวรรณฯ ยังคงฝ่าฝืนยึดถือครองครองพื้นที่ต่อจนคณะเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.2 (เขาค้อ) ได้รับแจ้งให้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวซึ่งได้ปรากฏนายสุวรรณ เนตรแสงสี มานำชี้ขอบเขตพื้นที่ครอบครองและอ้างว่าเป็นพื้นที่ทำกินของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ได้รังวัดค่าพิกัดพื้นที่นายสุวรรณฯ นำชี้ด้วยเครื่องมือหาค่าพิกัดด้วยสัญญาณดาวเทียม (จีพีเอส) จำนวน 7 จุด เนื้อที่ 10-2-36 ไร่ นำมาตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาปางก่อและป่าวังชมภู คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 3 ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 เคยได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในเขตป่าไม้ถาวรฯ ป่าหมายเลข 22 ในปี พ.ศ.2520 จนส่งคืนพื้นที่ทั้งหมดให้กรมป่าไม้ในปี พ.ศ.2562 แต่กองทัพภาคที่ 3 (กองพลทหารม้าที่ 1) ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ดำเนินกิจกรรมต่อบางส่วนรวมทั้งพื้นที่โรงเรียนเกษตรอินทรีย์ฯด้วย

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ชุดชป.ร่วมกันพิจ่ารณาว่าการกระทำของนายสุวรรณฯ เป็นกระทำผิดกฎหมายว่าด้วย พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และพรบ.ป่าสงวน พ.ศ.2507 จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุกยึดถือครอบครอง จำนวน 10-2-36 ไร่ ไร่ คิดค่าเสียหายเบื้องต้น เป็นเงิน 722,706.30 บาท จากนั้นให้นายบุญสม โตแทนสมบัติ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.๒ (เขาค้อ)เป็นผู้ร้องทุกข์ กล่าวโทษดำเนินคดีนายสุวรรณฯและผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ สภ.เขาค้อ

77 ข่าวเด็ด